เมื่อพูดถึง บริการติดตั้งงานพื้นสำหรับห้องปฏิบัติการ (Floor Installation Services for Laboratories) หลายคนอาจนึกถึงเพียงการปูกระเบื้องหรือการทาสีพื้นธรรมดา แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีเทคโนโลยีและวัสดุเฉพาะทางมากมายให้เลือก เพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะด้าน ทั้งด้านความทนทาน กันลื่น ทนสารเคมี และลดการกระแทก บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงเหตุผลในการเลือกพื้นห้องปฏิบัติการอย่างเหมาะสม ชนิดของวัสดุที่น่าสนใจ และวิธีการเลือกผู้ให้บริการติดตั้งมืออาชีพ
เหตุผลที่การเลือกพื้นสำหรับห้องปฏิบัติการสำคัญ
-
ความปลอดภัยของผู้ใช้งาน
พื้นห้องปฏิบัติการควรมีคุณสมบัติป้องกันการลื่น และต้องไม่สะสมความชื้นหรือคราบสารเคมี ที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งานหรือก่อให้เกิดอุบัติเหตุ -
ทนทานต่อสารเคมีและเครื่องมือหนัก
ห้องแล็บมักมีการใช้งานสารเคมีที่มีความเป็นกรด-ด่าง หรือไวไฟ ประกอบกับเครื่องมือวิจัยที่มีน้ำหนักมาก พื้นจึงต้องมีความทนทานสูง ไม่สึกกร่อนหรือแตกร้าวง่าย -
ลดการซึมผ่านของสารหกรด
การหกรดของสารเคมีหรือของเหลวต่าง ๆ อาจทำให้พื้นเกิดคราบหรือความเสียหาย และอาจซึมลงไปใต้พื้น หากไม่เลือกระบบพื้นป้องกันการซึมผ่านที่ดี อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายซ่อมแซมสูง -
มาตรฐานความสะอาดและการบำรุงรักษาง่าย
ห้องแล็บจำเป็นต้องรักษามาตรฐานด้านความสะอาด เมื่อใช้งานควรทำความสะอาดได้ง่าย พื้นผิวต้องไม่เกิดคราบฝังแน่นหรือบ่มเพาะเชื้อโรค -
สอดคล้องกับมาตรฐานหรือข้อบังคับ
ในบางอุตสาหกรรมหรือหน่วยงาน มีข้อกำหนดเฉพาะเกี่ยวกับวัสดุหรือระบบพื้น (เช่น GMP, ISO, FDA) การเลือกพื้นที่ตรงตามมาตรฐานเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อผ่านการตรวจสอบ
ประเภทของวัสดุปูพื้นสำหรับห้องปฏิบัติการ
-
Epoxy Flooring
-
คุณสมบัติ: ยึดเกาะพื้นผิวได้ดี ทนการขีดข่วนและสารเคมี แข็งแรง ทนทาน และผิวเรียบไร้รอยต่อ
-
ข้อดี: ง่ายต่อการดูแลรักษา ทำความสะอาดง่าย และมีสีสันให้เลือกหลากหลาย
-
ข้อควรระวัง: หากเตรียมพื้นผิวไม่ถูกวิธีอาจเกิดการหลุดล่อนหรือแตกร้าวได้
-
-
Polyurethane (PU) Flooring
-
คุณสมบัติ: ทนทานต่ออุณหภูมิสูงหรือต่ำได้ดี ทนสารเคมีบางประเภทได้มากกว่า Epoxy และมีความยืดหยุ่นดีกว่า
-
ข้อดี: ซับแรงกระแทกได้พอสมควร เหมาะกับพื้นที่ต้องการความยืดหยุ่น เช่น ห้องแล็บที่มีการกระแทกจากอุปกรณ์หนัก ๆ
-
ข้อควรระวัง: ราคาอาจสูงกว่า Epoxy Flooring และต้องเลือกชนิดให้เหมาะสมกับสารเคมีที่ใช้ในห้อง
-
-
Vinyl Flooring (Sheet Vinyl or Tile Vinyl)
-
คุณสมบัติ: มีความยืดหยุ่น น้ำหนักเบา ทนความชื้นได้ดี ป้องกันไฟฟ้าสถิต (ถ้าต้องการ)
-
ข้อดี: ติดตั้งง่าย ใช้เวลาไม่นาน มีลวดลายสวยงาม
-
ข้อควรระวัง: อาจไม่ทนทานเท่าพื้น Epoxy หรือ PU ต่อสารเคมีบางชนิด และอาจเกิดรอยต่อระหว่างแผ่น (หากเป็นแบบ Tile Vinyl)
-
-
Rubber Flooring
-
คุณสมบัติ: กันกระแทกดีเยี่ยม ลดเสียงรบกวน ขอบยางสามารถปิดรอยต่อได้
-
ข้อดี: ไม่ลื่น แม้พื้นที่เปียกน้ำ บางรุ่นมีคุณสมบัติต้านทานสารเคมี
-
ข้อควรระวัง: ราคาค่อนข้างสูง และอาจมีข้อจำกัดในการทนสารเคมีบางประเภท
-
-
Ceramic Tiles (กระเบื้องเซรามิก)
-
คุณสมบัติ: ทนความร้อนได้สูง ทำความสะอาดง่าย หลากหลายลวดลายและพื้นผิว
-
ข้อดี: ราคาย่อมเยาและติดตั้งง่าย
-
ข้อควรระวัง: มีร่องยาแนว หากไม่ป้องกันดี อาจสะสมสิ่งสกปรก หรืออาจลื่นหากเลือกผิวกระเบื้องไม่ถูกต้อง
-
ขั้นตอนการให้บริการติดตั้งงานพื้นสำหรับห้องปฏิบัติการ
-
การสำรวจพื้นที่และประเมินความต้องการ
-
ผู้เชี่ยวชาญจะเข้าสำรวจพื้นที่ห้องปฏิบัติการ ตรวจสอบสภาพพื้นที่เดิม (เช่น คอนกรีต ไม้ กระเบื้องเก่า) รวมถึงวิเคราะห์ประเภทสารเคมีที่ใช้งาน เพื่อนำเสนอวัสดุที่เหมาะสม
-
-
การวางแผนและเลือกวัสดุ
-
ร่วมกับลูกค้าในการเลือกประเภทวัสดุพื้น เช่น Epoxy, PU, Vinyl หรือกระเบื้อง ขึ้นอยู่กับงบประมาณและข้อกำหนดเฉพาะของงาน
-
อธิบายคุณสมบัติ ข้อดี ข้อจำกัด และวิธีการบำรุงรักษา เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง
-
-
การเตรียมพื้นที่และปรับสภาพผิว
-
ทำความสะอาดพื้นเดิม กำจัดคราบน้ำมันหรือสิ่งสกปรกออกให้หมด
-
ซ่อมแซมจุดแตกร้าวหรือหลุมบ่อให้เรียบเสมอกัน หากเป็นคอนกรีต ต้องใช้เครื่องขัดปรับสภาพผิว (Grinding) เพื่อให้วัสดุปูพื้นยึดเกาะได้ดี
-
-
การติดตั้ง (Installation)
-
ขึ้นอยู่กับวัสดุที่เลือก หากเป็น Epoxy หรือ PU จะมีการผสมสารและเคลือบเป็นชั้น ๆ (Coating) หรือเทแล้วปรับระดับ (Self-Leveling)
-
ติดตามด้วยการทิ้งให้แห้งตามระยะเวลาที่กำหนด (Curing Time) เพื่อให้พื้นแข็งตัวอย่างสมบูรณ์และคงทนที่สุด
-
-
การตรวจสอบและตรวจทานคุณภาพ
-
ตรวจความเรียบร้อยของผิวพื้น ไม่มีฟองอากาศ บวมหรือแตกร้าว
-
หากพบปัญหาอาจต้องแก้ไขหรือเคลือบทับบางส่วนก่อนส่งมอบงาน
-
-
การอบรมการใช้งานและบำรุงรักษา
-
ผู้ให้บริการอาจให้คำแนะนำเกี่ยวกับการทำความสะอาดประจำวันหรือสารเคมีที่ไม่ควรใช้บนพื้น
-
แนะนำวิธีซ่อมบำรุงเล็กน้อย เช่น รอยขูดขีด หรือการป้องกันการเสื่อมสภาพเมื่อมีสารเคมีรุนแรงหก
-
ข้อควรระวังและการดูแลรักษาพื้นห้องปฏิบัติการ
-
หมั่นทำความสะอาดและตรวจสอบสภาพพื้น
-
ดูแลความสะอาดทุกวัน โดยใช้น้ำยาหรือผ้าชุบน้ำหมาด ๆ (ตามความเหมาะสมของวัสดุ) เพื่อป้องกันคราบฝังแน่น
-
หากตรวจพบรอยแตกร้าวหรือชำรุดเล็กน้อย ควรรีบแก้ไขก่อนลุกลาม
-
-
ระมัดระวังสารเคมีรุนแรง
-
หากมีการหกของสารกรด-ด่างแรง ๆ ควรรีบเช็ดทำความสะอาดทันที ไม่เช่นนั้นพื้นอาจถูกกัดกร่อน
-
ควรมีแผ่นพลาสติกหรือถาดรองบริเวณที่ทำงานกับสารเคมีเพื่อป้องกันการหกลงบนพื้น
-
-
ป้องกันรอยขูดขีดจากอุปกรณ์หนัก
-
ใช้รองขาโต๊ะ/เก้าอี้ด้วยยาง หรือใช้ล้อแบบไม่ทำให้พื้นเป็นรอย (Non-marking wheels)
-
สำหรับเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่มีขอบเหล็ก ควรหลีกเลี่ยงการลากหรือกระแทกบนพื้นเพื่อยืดอายุการใช้งานของวัสดุ
-
-
ทำรางระบายน้ำหรือพื้นลาดเอียงหากมีของเหลวจำนวนมาก
-
ในห้องปฏิบัติการที่มีโอกาสเกิดน้ำท่วมขังหรือมีระบบบำบัดของเหลว ควรออกแบบให้พื้นมีความลาดเอียงเล็กน้อย และมีระบบระบายน้ำ เพื่อป้องกันการขังของน้ำหรือสารเคมี
-
-
กำหนดตารางบำรุงรักษาระยะยาว
-
หากเป็นระบบพื้น Epoxy หรือ PU อาจต้องมีการเคลือบซ้ำ (Recoat) ทุก 2-3 ปีขึ้นอยู่กับการใช้งาน
-
ตรวจสอบรอยต่อผนังหรือจุดเชื่อมโยงต่าง ๆ เป็นระยะ เพื่อป้องกันการรั่วซึมเข้าสู่โครงสร้าง
-
สรุป บริการติดตั้งงานพื้นสำหรับห้องปฎิบัติการ Floor installation services for laboratories
“บริการติดตั้งงานพื้นสำหรับห้องปฏิบัติการ (Floor Installation Services for Laboratories)” ไม่ได้เป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่กลับมีบทบาทอย่างสำคัญต่อความปลอดภัย คุณภาพงานวิจัย และมาตรฐานของห้องปฏิบัติการ การเลือกวัสดุปูพื้นที่เหมาะสม เช่น Epoxy, PU, Vinyl หรือกระเบื้องเซรามิก รวมถึงการเตรียมผิวและติดตั้งอย่างมืออาชีพ จะทำให้พื้นสามารถทนต่อการใช้งานอย่างหนักและสารเคมีต่าง ๆ ได้อย่างยาวนาน
ในยุคที่นวัตกรรมด้านวัสดุก่อสร้างพัฒนาไปไกล คุณสามารถเลือกระบบพื้นที่หลากหลาย สอดคล้องกับงบประมาณและลักษณะงาน เช่น การต้านทานไฟฟ้าสถิต หรือการเคลือบป้องกันเชื้อโรค หากเลือกระบบและผู้ให้บริการที่เข้าใจความต้องการเฉพาะของห้องปฏิบัติการอย่างแท้จริง คุณจะได้พื้นที่ที่ไม่เพียงมีความทนทาน แต่ยังรักษาความสะอาดและความปลอดภัยของบุคลากรได้อย่างดีเยี่ยม
อ่านเพิ่มเติม: